ช่วงใบไม้เปลี่ยนสี เป็นช่วงที่นักท่องเที่ยวอยากจะเดินทางมาชมความงามของใบไม้เปลี่ยนสีกัน วันนี้เราจึงอยากแนะนำจุดหมายปลายทางไปซากะ เพื่อชมใบไม้เปลี่ยนสีกัน

ซากะ จังหวัดเล็กๆ ในภูมิภาคคิวชู หลายคนอาจจะไม่รู้จักแต่หลายคนคงพอคุ้นๆ อยู่บ้าง เพราะบ้านเราไปถ่ายหนังถ่ายซีรีส์อยู่หลายเรื่องเหมือนกัน อย่างเรื่อง กลกิโมโน หรือซีรีส์ ซากะฉันจะคิดถึงเธอ แล้วจังหวัดนี้มีอะไรดี เราจึงตัดสินใจลองไปดู แล้วทริปใบไม้เปลี่ยนสีที่ซากะของเราก็เกิดขึ้น

ทริป 3 วันของเรามีแผนการเดินทางตามนี้

วันที่ 1 Yoshinogari Historical Park, Kunenan, Niiyama Shrine, Yamada Sunflower Garden, Furuyu Onsen

วันที่ 2 Saga International Balloon Fiesta, Higata Yoka Park, Torii Gates in the Sea, Ureshino Onsen

วันที่ 3 Takeo Shrine, Mifuneyama Rakuen, Environmental Art Forest

เริ่มกันที่…

วันที่ 1 Yoshinogari Historical Park, Kunenan-Niiyama Shrine, Yamada Sunflower Garden, Furuyu Onsen

วันที่ 1 การเดินทางวันแรกของทริปใบไม้เปลี่ยนสี เราเช่ารถขับเพื่อความสะดวกในการเดินทาง ที่แรกที่จะแวะคืออุทยานประวัติศาสตร์โยชิโนะการิ (Yoshinogari Historical Park) ในเมืองคันซากิ

เป็นหมู่บ้านโบราณอายุกว่า 2,000 ปี ที่มีการขุดค้นพบโบราณวัตถุจำนวนมาก อย่างพวกเครื่องปั้นดินเผา อาวุธฯลฯ ของยุคยาโยอิ (ยุคนี้ ประมาณ 300 ปีก่อนคริสตกาล) เมื่อขุดค้นเสร็จจึงมีการสร้างหมู่บ้านโบราณจำลองให้กลับมามีชีวิตอีกครั้งและเปิดให้คนทั่วไปได้เข้าชม ภายในจัดแสดงพวกอาวุธ เครื่องปั้นดินเผา เสื้อผ้า เครื่องทองเหลือง มีการจัดนิทรรศการต่างๆ และกิจกรรมที่น่าสนใจให้กับผู้เข้าชมทั้งเด็กและผู้ใหญ่ให้ร่วมกันทำอย่างสนุกสนาน เช่น การทำลูกปัดแก้ว การก่อไฟ การทอผ้า ฯลฯ นับว่าเป็นแหล่งโบราณคดียุคยาโยอิที่ใหญ่ที่สุดและดีที่สุดของญี่ปุ่น

ในช่วงใบไม้เปลี่ยนที่นี่มีดอกโซบะสีแดง และทุ่งหญ้าสีเหลือง ฟุ้งๆสวยงามน่าถ่ายรูปด้วยค่ะ

ออกจากหมู่บ้านโบราณ ใกล้ๆ ขับรถไปประมาณ 10 นาทีเพื่อเข้าชมสวนคุเน็นอัน (Kunenan)

สวนคุเน็นอัน (Kunenan) หรือในภาษาไทยก็คือ “สวนเก้าปี” เนื่องจากใช้เวลา 9 ปีในการก่อสร้างนั่นเอง เคยเป็นบ้านพักของพ่อค้าใหญ่สมัยเมจิมาก่อน ซึ่งบ้านพักนี้เป็นบ้านหลังคามุงจากแบบดั้งเดิมที่เราที่เราอาจจะเคยเห็นทั่วๆ ไปในภาคอื่นๆ ของญี่ปุ่น แต่บ้านแบบนี้จะหาได้ยากมากในคิวชู โดดเด่นด้วยการใช้วัสดุจากธรรมชาติ ผนังของบ้านจึงเป็นดินและไม้ซีดาร์ในส่วนฐาน ผนังทำจากกระดาษวาชิ ติดบนไม้ไผ่ขัดแตะ บ้านและสวนนี้ถูกออกแบบมาให้กลมกลืนเข้ากับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างลงตัว จนได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในสถานที่ที่งดงามที่สุดในญี่ปุ่นอีกด้วย ซึ่งก็จริงเพราะตอนนี้เราได้เห็นต้นเมเปิลหลายร้อยต้นเปลี่ยนเป็นสีแดงสวยงามจนหยุดถ่ายรูปไม่ได้เลย

แต่ขอบอกก่อนว่าสวนนี้เปิดให้เข้าชมปีละ 1 ครั้งคือในฤดูใบไม้ร่วงเท่านั้น โดยจะเปิดเพียง 9 วันในเดือนพฤศจิกายนเท่านั้น นักท่องเที่ยวจำนวนมากถึงได้รีบมาชมสวนแห่งนี้

จากคุเน็นอัน จะมีทางเชื่อมต่อกันเราขึ้นเนินไปที่ศาลเจ้านียามะ (Niiyama Shrine)

ศาลเจ้าเก่าแก่ซึ่งอยู่ติดกันและขึ้นชื่อเรื่องใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยงาม เชื่อกันว่าเป็นที่สถิตของเทพเจ้าแห่งภูเขาและเทพเจ้าแห่งการเกษตร ภายในมีต้นการบูรขนาดใหญ่อายุกว่า 600 ปี และต้นเมเปิลที่มีอายุมากเช่นกันอีกหลายต้น ช่วงนี้จึงน่าตื่นตาตื่นใจเป็นพิเศษกับวิวสีแดง สีเหลือง สีส้มของต้นไม้ที่กำลังผลัดใบ ที่นี่ยังมีรูปปั้นลิงตัวใหญ่ตัวน้อยประดับประดาอยู่ทั่วบริเวณ ดึงดูดสายตานักท่องเที่ยวไม่เบา

ออกจากศาลเจ้า เราไปชมความงามของดอกไม้กันต่อที่ สวนดอกทานตะวัน Yamada Sunflower Garden ห่างจากศาลเจ้าราวๆ 10 กิโลเมตร

ปกติหากจะชมดอกทานตะวันจะต้องชมในฤดูร้อน แต่ที่นี่กลุ่มคนในพื้นที่จะปลูกดอกทานตะวันบนนาขั้นบันได ในช่วงนี้ดอกทานตะวันดอกใหญ่ๆ สีเหลืองกว่าแสนต้นบานสดใสสุดสายตา นอกจากนี้ยังมีต้นแว็กซ์หรือต้นขี้ผึ้งผลัดใบสีแดง เกิดสีสันทั้งเหลือง แดง เขียวตัดกันกับท้องฟ้าสีคราม เป็นภาพที่สวยงามจนเราเพลินกับการถ่ายรูปเป็นอย่างมาก และหากเป็นช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ เกษตรกรในท้องถิ่นก็จะนำผักสดๆ ที่เพิ่งเก็บเกี่ยวมาวางขายอีกด้วย หากใครมาชมใบไม้เปลี่ยนสีแล้ว อยากแนะนำว่าคุณไม่ควรพลาดสวนดอกทานตะวันยามาดะเด็ดขาด!

เที่ยวขับรถ ถ่ายรูปจนเมื่อยตัว ก็ขอแช่ออนเซ็นซะหน่อย เราเลือกไป ฟุรุยุออนเซ็น (Furuyuu Onsen)

หมู่บ้านออนเซ็นนี้ตั้งอยู่ในภูเขา มีโรงแรมสไตล์เรียวกังดั้งเดิมและโรงแรมขนาดเล็กเปิดให้เข้าพัก ออนเซ็นของที่นี่มีความร้อนน้อยกว่าออนเซ็นที่อื่นๆ ในญี่ปุ่น จึงเหมาะสำหรับชาวต่างชาติที่ไม่คุ้นเคยกับอุณหภูมิของออนเซ็น อากาศหนาวๆ แบบนี้ หากได้นอนเรียวกังแช่ออนเซ็นในบรรยากาศสบายๆ พร้อมกับชมทิวทัศน์ใบไม้เปลี่ยนสีไปด้วย ก็คงจะเพิ่มพลังให้กับทริปในวันต่อไปไม่น้อย

วันที่ 2 Saga International Balloon Fiesta, Higata Yoka Park, Torii Gates in the Sea, Ureshino Onsen

หลังจากได้แช่ออนเซ็นจนพลังกลับคืนมาแล้ว ทริปวันที่ 2 ของเราก็ไปต่อที่ Saga International Balloon Fiesta

Saga International Balloon Fiesta งานเทศกาลบอลลูนนานาชาติที่จัดขึ้นทุกปีริมแม่น้ำคะเสะ(Kase) บอลลูนหลากสีสันทั้งลูกใหญ่ลูกเล็กลอยเหนือท้องฟ้าใสเมืองซากะ จนเราตื่นตาตื่นใจกับวิวข้างหน้าเป็นอย่างมาก เทศกาลนี้เป็นหนึ่งในเทศกาลที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย มีผู้เข้าร่วมจากหลากหลายประเทศทั่วโลก นับเป็นงานใหญ่ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงของคนที่นี่ โดยเราจะเห็นคนพากันออกไปปิกนิกเพื่อชมบอลลูนที่ลอยอยู่เต็มท้องฟ้า

ปกติงานบอลลูนจะจัดขึ้นในช่วงต้นเดือนพ.ย. หากได้มาเที่ยวตรงเวลาไม่ควรพลาดเด็ดขาด

จากเมืองซากะ ขับมาทางใต้เรื่อยๆ อีก 13 กิโลเมตร ใช้เวลา 20 กว่านาทีเพื่อเข้าชมสวนฮิงาตะโยกะ (Higata Yoka Park)

สวนฮิงาตะโยกะ (Higata Yoka Park) ตั้งอยู่บนชายฝั่งมองออกไปเห็นทะเลอาริอาเกะ สวนแห่งนี้เต็มไปด้วยความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติและเปรียบเสมือนแหล่งพึ่งพิงของสิ่งชีวิตมากมาย ทั้งสัตว์น้ำ สัตว์บก นกป่า เราจะเห็นน้ำขึ้นน้ำลงของทะเลอาริอาเกะ ซึ่งเวลาน้ำลงเราจะเห็นสัตว์ต่างๆ อย่างปลาตีนที่มีจุดสีฟ้าบนลำตัว ปู นกป่าที่มาหากิน วิวพระอาทิตย์ตกอันแสนงดงามที่มองเห็นได้จากจุดชมวิว

ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง พุ่มหญ้าShichimensou ริมทะเลนี้ได้ย้อมสีแดงให้ชายฝั่งสวนสาธารณะฮิกาตะโยกะ หากมาเที่ยวซากะในช่วงปลายต.ค.ถึงต้นพ.ย. อย่าลืมมาชม “ต้นเมเปิ้ลแห่งท้องทะเล”ของชายฝั่งของทะเลอาริอาเกะกัน

ขับรถชมวิวไปตามชายฝั่งอีกชั่วโมงกว่าๆ เพื่อไปชมโทริอิลอยน้ำ (Torii Gates in the Sea)ของศาลเจ้าโออุโอะ (Ouo Shrine)

โทริอิลอยน้ำตั้งอยู่ในทะเล ห่างจากชายฝั่งประมาณ 200 เมตร จุดเด่นของที่นี่คือ ทัศนียภาพของโทริอิจะแตกต่างกันไปทุกครั้งที่เรามอง ขึ้นอยู่กับการขึ้นลงของระดับน้ำ โดยระดับน้ำที่ขึ้นลงนั้นมีระยะต่างกันมากที่สุดถึง 6 เมตรเลยทีเดียว ตอนน้ำลงมากๆ ก็สามารถลงไปเดินลอดได้ แต่ถ้าน้ำขึ้นสูงๆ โทริอินี้ก็จะหายไปในท้องทะเล

เที่ยวจนเหนื่อยแล้ว ก็ต้องหาอะไรทำให้สบายตัวซักหน่อย ที่ซากะเรื่องออนเซ็นก็มีชื่อเสียงอยู่ไม่เบา เราขับรถมาที่อุเระชิโนะออนเซ็น (Ureshino Onsen)

ว่ากันว่าเป็นเมืองออนเซ็นที่มีน้ำแร่ธรรมชาติที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของเกาะคิวชูและเป็นหนึ่งใน 3 ออนเซ็นที่ดีที่สุดสำหรับผิวในญี่ปุ่น ใครได้มาแช่จะมีผิวสวย เนื่องจากมีแร่ธาตุโซเดียมไบคาร์บอเนตและเกลือคลอไรด์ที่สูง มีอุณหภูมิสูง 85-100 องศาเซลเซียสจนได้ฉายาว่า “น้ำร้อนผิวสวย” และเป็นที่มาของชื่อในภาษาญี่ปุ่นว่า “Ureshiino~” ที่แปลว่า “ดีเยี่ยมไปเลย”

วันที่ 3 Takeo Shrine, Mifuneyama Rakuen, Kankyo Geijutsu No Mori

เริ่มเช้าวันใหม่กันที่ ศาลเจ้าทาเคโอะ (Takeo Shrine) ศาลเจ้าที่เก่าแก่ที่สุดในจังหวัดซากะ

ศาลเจ้าทาเคโอะ สร้างขึ้นที่เชิงเขามิฟุเนะยามะ เพื่อความสงบร่มเย็นในเมือง และเป็นที่ประดิษฐานของเทพ Takeuchi-no-Sukune ซึ่งเป็นเทพเจ้าที่มีอายุยืนยาวที่สุด ที่ทางเข้าศาลเจ้า มีต้นสนคู่ศักดิ์สิทธิ์สองต้นพันกันที่รากและกิ่ง เชื่อกันว่าจะนำโชคลาภด้านความรักและการแต่งงานมาให้

นอกจากนี้ เมื่อคุณเดินผ่านป่าไผ่ ด้านหลังของศาลเจ้า จะเจอที่โล่งและพบกับต้นการบูรที่ยิ่งใหญ่ของเมืองทาเคโอะ ซึ่งมีอายุประมาณ 3,000 ปี และเป็นต้นการบูรเก่าแก่อันดับที่ 6 ของญี่ปุ่น เป็นจุดรับพลังที่คุณต้องลองมาดูสักครั้ง

ต่อมาเดินทางไปไม่ไกล เราไปกันที่ สวนมิฟุเนะยามะ (Mifuneyama Rakuen)

สวนนี้ใช้เวลาสร้างถึง 3 ปี เพื่อให้เป็นส่วนหนึ่งของคฤหาสน์ขุนนางผู้ครองแคว้นทาเคโอะในสมัยนั้น พื้นที่กว่า 500,000 ตารางเมตร ถูกออกแบบให้ผสมผสานเข้ากับลักษณะภูมิประเทศตามธรรมชาติและความแตกต่างของระดับความสูงต่ำของพื้นที่ สวนนี้ถูกระบายไปด้วยเฉดสีต่างๆ ของใบไม้ที่กำลังเปลี่ยนสีตลอดแนวสระน้ำของสวน มีภูเขามิฟุเนะสูงตระหง่านเป็นฉากหลัง สวยงามเกินจะบรรยาย

ขับรถไปเที่ยวต่อที่สุดท้ายที่เราอยากจะไปมากๆ สวน Kankyo Geijutsu No Mori

“Kankyo Geijutsu No Mori” เป็นป่าในหุบเขาซะคุเร (Sakurei Mountain) ซึ่งใช้เวลาในการสร้าง 30 กว่าปี มีพื้นที่ประมาณ 2 ล้านตารางเมตร ในฤดูใบไม้ร่วง ต้นไม้ทั่วหุบเขาทั้งเมเปิล แปะก๊วยจะเปลี่ยนเป็นสีแดง สีเหลืองและสีเขียว มีลำธาร น้ำตก ก้อนหินที่เรียงตัวกันอย่างสวยงามตามธรรมชาติให้เราได้ชื่นชมผ่อนคลายอีกด้วย นับว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการชมใบไม้เปลี่ยนสี

ภายในสวนมี Fuyusanso บ้านสไตล์ญี่ปุ่น ซึ่งเป็นอาคารที่สร้างขึ้นเมื่อ 100 ปีที่แล้ว ผู้เข้าชมสามารถเพลิดเพลินกับการตกแต่งภายในกลิ่นไอสไตล์ญี่ปุ่นเก่าแก่ พร้อมกับชมวิวภายนอก และจุดถ่ายรูปยอดฮิตใบไม้เปลี่ยนสีสะท้อนอยู่บนโต๊ะ

ทริป 3 วันในซากะช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีจบลงแล้ว แต่ความงามของธรรมชาติ ศิลปวัฒนธรรมและอาหารคงยังอยู่ในความทรงจำไม่รู้จบ หากใครจะมาเที่ยวญี่ปุ่น ลองมาที่ซากะดูสักครั้ง แม้จะเล็กๆ แต่มีที่ท่องเที่ยวให้เก็บได้ครบจบในทริปเดียว.