หลังจากผ่านพ้นช่วงหน้าร้อนไป อากาศที่ญี่ปุ่นก็เริ่มที่จะเย็นลงเรื่อยๆ และตอนนี้ตามยอดเขาภูเขาต่างๆก็ได้แสดงให้เห็นว่ากำลังเข้าสู่ฤดูแห่งสีสันเข้าไปเรื่อยๆแล้วครับ
ถ้าหัวใจของคุณเปี่ยมล้นไปด้วยจินตภาพของใบไม้เหลืองแดง แล้วส่งผลให้ร่างกายของคุณสั่นเทาด้วยความสดใสร่าเริงขึ้นมาแล้วล่ะก็ นั่นแสดงว่ามันถึงเวลาที่จะออกไปโลดแล่นกับใบไม้เปลี่ยนสีกันแล้วล่ะครับ!

ซากปราสาทอากิสึกิ (พระจันทร์ในฤดูใบไม้ร่วง)
ปราสาทพระจันทร์ในฤดูใบไม้ร่วงแห่งนี้ สร้างโดยลูกชายคนที่ 3 ของคุโรดะ นางามาสะ หรือคุโรดะ นางาเสะตั้งแต่ปีคันเอที่ 1 (ค.ศ.1624) โดยใช้หินทั้งหมด 5 หมื่นก้อน พอถึงฤดูใบไม้ร่วง รอบๆประตูดำแห่งนี้ก็จะยิ่งงดงามเป็นพิเศษด้วย “โมมิจิ” หรือใบไม้สีเหลืองแดงนั่นเอง นอกจากนี้ในละแวกนั้นก็ยังมีร้านน้ำชา, ร้านค้าเก่าแก่ รวมทั้งร้านคาเฟ่เรโทรที่ล้วนแล้วแต่มีเสน่ห์มากมายตั้งเรียงรายกันไป รับรองว่าเดินเพลินจนลืมเหนื่อยเลยล่ะครับ
รายละเอียดเพิ่มเติม

เขาคุโบเตะซัน
เขาคุโบเตะซันที่ตั้งอยู่ระหว่างเมืองบุเซ็นกับเมืองจิกุโจแห่งนี้นั้น เป็นสถานที่ๆได้ชื่อว่าที่บำเพ็ญตบะสำหรับนักบวชหรือนักพรตที่เชื่อกันว่า เคยมีนักบวชหรือนักพรตบำเพ็ญตบะอยู่ถึง 500 รูป โดยที่รูปร่างลักษณะของภูเขานั้นจะมีส่วนที่ยื่นออกมาเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทั้งยังได้ชื่อว่าเป็นแลนด์มาร์คทางประวัติศาสตร์ของประเทศ นอกจากนี้ไม่ว่าจะเป็นช่วงใบไม้เขียวหรือเหลืองแดง ทุกๆช่วงก็จะคึกคักไปด้วยนักปีนเขาจำนวนมาก แต่แน่นอนว่าพอถึงฤดูใบไม้ร่วง ช่วงที่เขาทั้งลูกถูกแต่งแต้มไปด้วยสีสันต่างๆ ตลอดทางเส้นทางทัวร์คุณก็จะได้สัมผัสกับธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ที่หาไม่ได้จากที่ไหนแน่นอนครับ
รายละเอียดเพิ่มเติม

วัดโคเมียวเซ็นจิ​
เป็นวัดเก่าแก่ตั้งแต่สมัยคามาคุระ (ค.ศ.1185-1333) ที่ล่ำลือกันว่ามีสวนที่งดงามตระการตามาก แต่โดยทั่วไปแล้วจะคุ้นเคยกันในชื่อของ “วัดโคเคเดระ” (วัดมอส) ซะมากกว่า ทั้งนี้มอสที่ขึ้นอยู่ตามพื้นนั้น เปรียบได้กับหาดทรายสีขาวและน้ำทะเล นอกจากนี้ที่สวนหินยังมีการจัดเรียงหินเป็นรูปตัวอักษร “光” (โค = แปลว่าแสง) อันสื่อถึงแสงสว่างของพระพุทธศาสนา หรือรัศมีของพระพุทธองค์นั่นเอง อนึ่งเมื่อใบไม้แดงเริ่มที่จะร่วงหล่นลงมา พื้นที่ทั้งหมดก็ดูราวกับว่าถูกปูด้วยพรมสีแดงไปเลยล่ะครับ
รายละเอียดเพิ่มเติม

ฟุจิเอะเกียวระกุเอ็น​
เป็นที่รู้จักขึ้นมาเนื่องจากงานศิลปะของนักบวชศิลปินในยุคมุโรมาจิ (ค.ศ.1333-1573) อย่าง “เซสชู” จนกระทั่งกลายมาเป็นสวนที่มีชื่อเสียงอย่างมากในปัจจุบัน ในส่วนของชื่อ “เกียวระกุเอ็น” (เกียว = ปลา, ระกุ = สบาย ผ่อนคลาย) นั้น ได้มาจากสำนวนทางพระพุทธศาสนาที่ว่า “ถ้าปลาผ่อนคลาย ทำไมคนจะผ่อนคลายไม่ได้” นั่นเองครับ
รายละเอียดเพิ่มเติม

สวนญี่ปุ่นโอโฮริโคเอ็น
สวนสาธารณะโอโฮริโคเอ็นสร้างมาตั้งแต่ปีโชวะที่ 59 (ค.ศ.1984) โดยที่ภายในความกว้าง 12,000 ตารางเมตรโดยประมาณของสวนแห่งนี้ มีทั้งทะเลสาบขนาดใหญ่ เนินเขา ลำธาร ที่นั่งริมน้ำ จนไปถึงร้านกาแฟ ฯลฯ นับเป็นสวนที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยธรรมชาติและแมกไม้นานาพันธุ์อย่างแท้จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางเดินรอบทะเลสาบนั้น แค่ได้มาเดินเล่นเฉยๆก็มีความสุขแล้วล่ะครับ
รายละเอียดเพิ่มเติม